วิธีเลือกซื้อ “เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้” ประเภทต่างๆ

Last updated: 9 ส.ค. 2565  |  9606 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ประเภทไม้แท้ ไม้สัก

เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ ไอเท็มตกแต่งบ้านที่ยังคงได้รับความนิยมสูงอย่างไม่ตกยุค เพราะลวดลายของไม้ช่วยเสริมให้บ้านมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง และโทนสีของไม้ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยที่หลงใหลเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ในทุกยุคสมัยของเทรนด์บ้าน 

แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ คือ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้แท้ทั้งตัว 100% ไม่มีวัสดุอื่นๆ มาเจือปน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ไม้เนื้อแข็ง และไม้เนื้ออ่อน แต่ที่นิยมนำมาประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์คือ ‘ไม้เนื้อแข็ง’ ที่มีความแข็งแรงทนทาน เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ไม้ ถือว่าเป็นสินค้าหายาก เนื่องจากมีคุณค่าต่อจิตใจของผู้ที่ชื่นชอบไม้แท้ 

ความแตกต่างระหว่าง ไม้เนื้อแข็ง และ ไม้เนื้ออ่อน

ก่อนอื่นลองมาดูกันสักหน่อยว่าประเภทของไม้แท้ มีแบบไหนบ้าง

1. ไม้เนื้อแข็ง 

เป็นไม้ที่โตช้า ใช้เวลานานหลายปีกว่าจะนำมาใช้งานได้ จึงมีวงปีมากกว่าไม้เนื้ออ่อน ข้อดีคือเนื้อแน่นแข็งแรงและทนทาน เหมาะกับงานที่ต้องการความแข็งแรงและรับน้ำหนัก (ไม้สัก, ไม้แอช, ไม้โอ๊ค, ไม้วอลนัท, ไม้มะฮอกกานี, ไม้เรดโอ๊ค เป็นต้น)

2. ไม้เนื้ออ่อน 

เป็นไม้โตเร็ว มีวงปีกว้าง ลายไม้น้อยและเนื้อไม้ไม่แน่น จึงแข็งแรงน้อยกว่าไม้เนื้อแข็ง ข้อดีคือน้ำหนักเบา ราคาถูก นิยมใช้สร้างงานที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมากนัก แน่นอนว่าคงทนก็ยิ่งไม่อาจเทียบเท่าไม้เนื้อแข็งได้

พาดู ‘ไม้แท้เนื้อแข็ง’ ที่นิยมนำมาประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์

1. ไม้สัก (Teak)

เป็นไม้ที่มีโทนสีออกน้ำตาลเข้มภูมิฐาน ให้ความรู้สึกเคร่งขรึม ภูมิฐาน เหมาะกับทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับในบ้าน หรือสถานที่ที่ต้องการความเป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้รอบวงปีของแกนในเนื้อไม้สักยังสวยงาม หากต้องการทำเฟอร์นิเจอร์ที่โชว์ลายไม้ก็จะสวยงามยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นไม้ที่มีแหล่งผลิตในประเทศไทย

2. ไม้แอช (Ash)

เป็นไม้ที่มีโทนสีออกน้ำตาลอมครีม ให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบไม้ต่างประเทศ ลายไม้เป็นวงภูเขาชัดเจน เหมาะกับทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ ตกแต่งผนังภายใน คนที่ชอบโทนสีสว่างจึงมักเลือกไม้แอชไปตกแต่งบ้าน

3. ไม้โอ๊ค (Oak)


เป็นไม้ที่มีโทนสีออกน้ำตาลอ่อน ไปจนถึงสีเหลือง ให้ความรู้สึกทันสมัย แต่ยังคงความเรียบง่ายในการตกแต่ง เป็นอีกโทนสีที่ตอบโจทย์คนชอบอารมณ์อบอุ่น ส่วนลวดลายจะน้อยกว่าไม้แอช จึงเหมาะกับการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ไม้โอ๊คเป็นไม้ที่มาจากทางฝั่งยุโรป อเมริกา จีน ญี่ปุ่น 

  • ไม้โอ๊คแดง (Red Oak): โทนสีออกน้ำตาลอ่อนจนถึงเข็ม แต่ไปทางโทนแดงเล็กน้อย มีเสี้ยนที่ลึกเห็นเด่นชัด สัมผัสไม้หยาบให้ความรู้สึกแน่น ให้ความรู้สึกเรียบง่าย ลายไม้น้อยกว่าไม้แอช นิยมและเหมาะกับการนำมาปูพื้น (Hardwood Flooring)

  • ไม้โอ๊คขาว (White Oak): โทนสีออกน้ำตาลอ่อน เนื้อไม้ออกสีขาวอมเหลือง มีเสี้ยนถี่ละเอียดกว่าไม้โอ๊คแดง รวมทั้งผิวไม้จะมีสัมผัสที่หยาบน้อยกว่าไม้โอ๊คแดง ด้วยสีที่ค่อนข้างสว่าง จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชอบเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น หรือสแกนดิเนเวียน

4. ไม้วอลนัท (Walnut)

เป็นไม้ที่มีโทนสีออกน้ำตาลเข้ม หรือเรียกว่าสีช็อคโกแล็ต ให้ความรู้สึกทึบ หรูหรา ลึกลับ น่าค้นหา เป็นผู้ใหญ่ ลวดลายมีไม่มาก แทรกด้วยลายหยักคลื่น ผิวมันแวววาว เหมาะกับการนำไปทำเฟอร์นิเจอร์เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง เก้าอี้ โต๊ะรับประทานอาหาร จะเสริมบรรยากาศให้ดีขึ้น

5. ไม้มะฮอกกานี (Mahogany)

เป็นไม้ที่มีโทนสีออกน้ำตาลเข้มโทนแดง แต่เป็นโทนที่นุ่มนวลกว่าไม้วอลนัท ให้ความรู้สึกละมุนแต่มั่นคง ลายไม้ไม่มาก แต่มีความดูดีสุดๆ เหมาะกับทำโต๊ะวางของ โต๊ะนั่งเล่น ชุดโต๊ะเฟอร์นิเจอร์รับแขก

เลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ เลือกซื้อจากอะไร และเลือกซื้ออย่างไรดี?

เลือกซื้อจากโทนสีไม้แท้ที่ชอบ

  • ถ้าชอบโทนสีน้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง สบายตา ควรเลือกไม้โอ๊ค ชอบสว่างมากก็พิจารณาไม้โอ๊คขาว ชอบเจือส้มแดงก็พิจารณาไม้โอ๊คแดงดู

  • ถ้าชอบโทนสีกลางๆ อมเหลืองอ่อนๆ ให้ความอบอุ่น ควรเลือกไม้แอช หรือไม้โอ๊ค 

  • ถ้าชอบโทนสีช็อคโกแล็ต น้ำตาลเข้ม ให้ความรู้สึกภูมิฐาน ควรเลือกไม้สัก ไม้วอลนัท ไม้มะฮอกกานี เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์ไม้จริงนั้นสามารถเปลี่ยนโทนสีได้จากการทาสีทับ การเลือกซื้อจากโทนสีที่ชอบ อาจเหมาะสมในกรณีที่ต้องการสีเนื้อไม้แท้ ไม่ผ่านการถูกเปลี่ยนสีมา แต่ถ้าหากว่าไม่ได้กังวลในจุดนั้น ก็อาจจะพิจารณาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้จากปัจจัยอื่น 

เลือกซื้อจากความแข็งแรงของไม้

หากตัดเรื่องของโทนสีไม้ออกไปจากสมการ อีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อก็เห็นจะหนีไม่พ้นความแข็งแรงและคงทนของไม้ อันที่จริงแล้วการเรียงลำดับเป๊ะๆ อาจจะยากไปสักนิด เพราะไม้บางชนิดต่อให้เป็นไม้พันธุ์เดียวกัน แต่มีถิ่นกำเนิด นำเข้ามาจากต่างพื้นที่ก็มีความแข็งแรงที่ต่างกัน แต่หลักๆ แล้วสามารถเรียงตามลำดับความแข็งแรงได้ ดังนี้

  • ไม้สัก (Class 1: Very Durable) แน่นอนว่าเป็นไม้ที่ชนะเลิศในเรื่องความแข็งแรง คงทนมากที่สุด ยิ่งอายุมากยิ่งแข็งแรง ไม่ว่าจะจัดอันดับกับไม้แตกต่างชนิดกันจำนวนมากแค่ไหน ไม้สักก็เอาชนะไปแบบขาดลอย ไม่มีข้อกังขา

  • ไม้มะฮอกกานี (Class 2: Durable) ไม้มะฮอกกานีจากประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีความคงทนมากกว่าจากประเทศอื่น

  • ไม้วอลนัท (Class 3: Moderately Durable) ไม้วอลนัทมีหลายประเภทด้วยกัน ต้องถามผู้ผลิตให้แน่ใจว่าเป็นไม้วอลนัทที่นำเข้าจากที่ไหน แต่หากเป็นไม้วอลนัทจากอเมริกา หรือ Black Walnut ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดอีกชนิดหนึ่งแล้วล่ะก็ ก็นับว่าเป็นไม้ที่มีค่าความคงทนมาก

  • ไม้โอ๊คขาว (Class 3: Moderately Durable) ไม้โอ๊คนั้นค่อนข้างซับซ้อน แตกต่างกันออกไปตามประเภทของไม้โอ๊ค แต่โดยทั่วไปแล้วไม่โอ๊คขาวจะมีความคงทนกว่าไม้โอ๊คแดงเล็กน้อย

  • ไม้โอ๊คแดง (Class 4: Slightly Durable) ไม้โอ๊คแดงมีความแข็งแรงน้อยว่าไม้ประเภทอื่นในลิสท์ แต่มีความแข็งแรงมากกว่าไม้แอช 

  • ไม้แอช (Class 5: Non-Durable) เป็นไม้ที่ความแข็งแรงน้อยที่สุดในบรรดาไม้ทั้งหมดที่กล่าวมา

ส่งท้าย

กล่าวโดยสรุปแล้ว การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ควรเลือกความแข็งแรงให้เหมาะสมกับการนำไปใช้งาน และเลือกตามโทนสีที่ชอบ เพื่อได้บ้านที่สวยตรงใจ 

ท้ายสุดนี้ ถ้าคุณชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก ไม่ว่าจะดีไซน์วินเทจ ดีไซน์โมเดิร์นเรียบหรู หรือสไตล์มินิมอล-สแกนดิเวียน อย่าลืมลองเยี่ยมชมแคทตาล็อคเฟอร์นิเจอร์ไม้สักคุณภาพเยี่ยมจากเรา Taweesak Furniture นะคะ เราทำเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นอย่างใส่ใจ และรู้จริงเรื่องเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว นโยบายคุกกี้